ทรัพยากรสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ตและการสืบค้น


เทคนิคการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต




การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ตควรดำเนินการดังนี้
กำหนดวัตถุประสงค์การสืบค้น
ผู้สืบค้นหรือผู้วิจัยที่จะนำข้อมูล สารสนเทศไปใช้ ควรตั้งวัตถุประสงค์การสืบค้นที่ชัดเจน ทำให้สามารถกำหนดขอบเขตของแหล่งข้อมูลสารสนเทศที่จะสืบค้นให้แคบลง
กำหนดประเภทของเครื่องมือหรือโปรแกรมสำหรับการสืบค้นทางอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า search engine ให้เหมาะสม มีความตรง (validity) ตามวัตถุประสงค์
และมีความน่าเชื่อถือ (reliability) มากที่สุดอีกทั้งยังสามารถสืบค้นได้ผลในเวลาอันรวดเร็ว
ประเภทของข้อมูลสารสนเทศที่สามารถสืบค้นได้
 ข้อมูลสารสนเทศที่ อยู่บนอินเทอร์เน็ตมีมากมายหลายประเภท มีลักษณะเป็นมัลติมีเดีย คือ
-ข้อความ(text)
-ภาพวาด (painting)
-ภาพเขียนหรือภาพลายเส้น (drawing)
-ภาพไดอะแกรม (diagram)
-ภาพถ่าย (photograph)
-เสียง(sound)
-เสียงดนตรี (midi)
-ภาพยนตร์ (movie)
-ภาพเคลื่อนไหวอะนิเมชัน (animation)
การสืบค้นต้องอาศัยอุปกรณ์และความรู้
ก่อนที่ผู้สืบค้นจะสามารถ สืบค้นข้อมูลสารสนเทศทางอินเทอร์เน็ตได้ ต้องมีการจัดเตรียมอุปกรณ์ดังต่อไปนี้ คือ
เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อเข้าอินเทอร์เน็ตซึ่งอาจเป็น modem ในกรณีที่ใช้คู่กับสายโทรศัพท์ หรือแผ่น LAN Card ในกรณีที่ใช้คู่กับระบบเครือข่ายที่ได้รับการติดตั้งไว้แล้ว ซอฟต์แวร์การสื่อสาร (communication software)
บริการบนอินเทอร์เน็ต
บริการบนอินเทอร์เน็ตที่สามารถใช้ช่วยใน การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศมีมากมายหลายบริการ
เช่น บริการเครือข่ายใยแมงมุมโลก หรือ Word-Wide-Web(WWW)
บริการค้นหาข้อมูล Gopher บริการการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เครื่องมือหรือโปรแกรมสำหรับการสืบค้น
เครื่องมือหรือโปรแกรม สำหรับการสืบค้น (search engine) มีอยู่มากมายและมีให้บริการอยู่ตาม เว็บไซต์ต่างๆ
ที่ใช้บริการการสืบค้นข้อมูลโดยเฉพาะ การเลือกใช้นั้นขึ้นกับประเภทของข้อมูล สารสนเทศที่ต้องการสืบค้น search engine ต่างๆ
จะให้ข้อมูลที่มีความลึกในแง่มุมหรือศาสตร์ต่างๆ

เทคนิคการสืบค้นข้อมูลโดยทั่วไปมีดังนี้
1. การค้นหาแบบพื้นฐาน (Basic search)
เป็นการค้นหาสารสนเทศอย่าง ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน โดยใช้คำโดดๆ หรือผสมเพียง 1 คำ ในการสืบค้นข้อมูล โดยส่วนใหญ่การค้นหาแบบง่ายจะมีทางเลือกในการค้นหา
ชื่อผู้แต่ง (Author)
เป็นการค้นหาโดยใช้ชื่อของบุคคล กลุ่มบุคคล นามปากกา หรือชื่อหน่วยงาน/องค์กร ที่เป็นผู้แต่งหรือเขียนหนังสือ
บทความ งานวิจัย วิทยานิพนธ์ หรือทรัพยากรสารสนเทศนั้นๆ
ชื่อเรื่อง (Title)
เป็นการค้นหาข้อมูลด้วยชื่อเรื่อง เช่น ชื่อหนังสือ ชื่อบทความ ชื่อเรื่องสั้น นวนิยาย ชื่องานวิจัย หรือวิทยานิพนธ์
การค้นโดยใช้ชื่อเรื่องนี้ เป็นการค้นหาแบบเจาะจงต้องรู้จักชื่อเรื่อง หลักการค้นหาด้วยชื่อเรื่องทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ใช้หลักการเดียวกัน
คือ ค้นหาตามชื่อนั้นๆ ได้เลย โดยระบบจะทำการค้นหาจากชื่อเรื่อง เริ่มจากอักษรตัวแรกและตัวถัดไปตามลำดับ
หัวเรื่อง (Subject Heading)
คือคำที่กำหนดขึ้นมา เพื่อใช้แทนเนื้อหาของหนังสือ บทความ งานวิจัย วิทยานิพนธ์หรือทรัพยากรสารสนเทศ หัวเรื่องที่ใช้ในการค้นหานั้น
คำสืบค้น (Keywords)
คือ การค้นหาด้วยคำที่กำหนดขึ้นมา เพื่อใช้แทนเรื่องที่ต้องการค้นหา โดยทั่วไปคำสำคัญจะมีลักษณะที่สั้น
กระทัดรัด ได้ใจความ มีความหมาย เป็นคำนามหรือเป็นศัพท์เฉพาะในแต่ละสาขาวิชา

2. การค้นหาแบบขั้นสูง (Advanced Search)
เป็นการค้นหาที่ซับซ้อนมากกว่าแบบพื้นฐาน ซึ่งมีเทคนิคหรือรูปแบบการค้นที่จะช่วยให้ผู้ค้นสามารถจำกัดขอบเขตการค้นหา
หรือค้นแบบเจาะจงได้มากขึ้น เพื่อให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
การสืบค้นข้อมูล โดยใช้ operator เป็นการค้นหา โดยใช้คำเชื่อม 3ตัว คือ AND, OR, NOT ดังนี้
- AND
ใช้เชื่อมคำค้น เพื่อจำกัดขอบเขตการค้นหาให้แคบลง
เช่น ต้องการค้นหาคำว่า ส้มตำที่เป็นอาหาร มีรูปแบบการค้นดังนี้ คือ ส้มตำ AND อาหาร หมายถึง ต้องการค้นหาคำว่า ส้มตำ และคำว่า อาหาร
- OR
ใช้เชื่อมคำค้น เพื่อขยายขอบเขตให้กว้างขึ้น
เช่น ส้มตำไทย OR ส้มตำปูปลาร้า หมายถึง ต้องการค้นหาคำว่า ส้มตำไทย และ ส้มตำปูปลาร้า หรือค้นหาคำใดคำหนึ่งก็ได้
- NOT
ใช้เชื่อมคำค้น เพื่อจำกัดขอบเขตให้แคบลง
เช่น ต้องการค้นหาคำว่า ส้มตำ AND อาหาร NOT เพลง หมายถึง ต้องการค้นหา คำว่า ส้มตำ เฉพาะที่เป็นอาหาร ไม่เอาเพลงส้มตำ เป็นต้น
- NEAR
ใช้เมื่อต้องการให้คำที่กำหนดอยู่ห่างจากกันไม่เกิน 10 คำ ในประโยคเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน
เช่น Research NEAR Thailand ข้อมูลที่ได้จะมีคำว่าResearch และ Thailand ที่ห่างกันไม่เกิน 10 คำ ตัวอย่างเช่นResearch on the Cost of Transportation in Thailand
- BEFORE
ใช้เมื่อต้องการกำหนดให้คำแรกปรากฏอยู่ข้างหน้าคำหลังในระยะห่างไม่เกิน 8 คำ
เช่น Research BEFORE Thailand
- AFTER
ใช้เมื่อต้องการกำหนดให้คำแรกปรากฏอยู่ข้างหลังคำหลังในระยะห่างไม่เกิน 8 คำ
เช่น Research AFTER Thailand
- (parentheses)
ใช้เมื่อต้องการกำหนดให้ทำตามคำสั่งภายในวงเล็บก่อนคำสั่งภายนอก
เช่น (Research OR Quantitative) and Thailand

คำแนะนำในการใช้ Google
     การค้นหาแบบง่าย ให้พิมพ์คำที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องการค้นหาเพียง 2-3 คำลงไป แล้วกดแป้น Enter หรือคลิกที่ปุ่ม Go บนหน้าจอ Google
ก็จะแสดงเว็บเพจที่ค้นพบ โปรแกรมค้นหาของ Google จะแสดงเฉพาะเว็บเพจที่มีคำทุกคำที่ท่านได้พิมพ์ลงไปดังนั้น  ถ้ายิ่งใส่จำนวนคำลงไปมาก 

จำนวนเว็บเพจที่ค้นพบจะยิ่งลดจำนวนลง  เพราะเป็นการค้นหาที่มีเงื่อนไขมากขึ้นนั้นเอง




ที่มา  https://sites.google.com/site/chanakarn143/home/13-kar-subkhn-sarsnthes-bn-xinthexrnet

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น